วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ชนิดของนม (Types of Milk)

นมในภาษาอังกฤษ (milk)

หลายคนคงคิดว่านมนั้นมีเพียงไม่กี่ประเภท โดยอาจจะรู้จักแค่ นมสด นมไขมันต่ำ นมเปรี้ยว นมข้น แต่แท้ที่จริงแล้วนั้น นมมีอยู่มากมายหลายประเภท โดย อาจจะแบ่งออกตามกระบวนการผลิต หรือ ชนิดของนมนั้นๆ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่านมแต่ละชนิดนั้นเรียกกันในภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
 
 
1. Whole / Full cream Milk / Full Fat Milk นมครบส่วน หรือ นมไขมันเต็มส่วน
 
 
2. Low Fat Milk นมไขมันต่ำ
 
 
3. Skimmed / Skim Milk นมพร่องมันเนย
 
 
4. Semi-skimmed / Partly skimmed Milk นมกึ่งพร่องมันเนย
 
 
5. Sterilized Milk นมสเตอริไลซ์
 
 
6. Pasteurized Milk นมพาสเจอร์ไรซ์
 
 
7. UHT Milk (Ultra high temperature milk or Ultra heat treated milk) นม ยู เอช ที
 
8. Flavoured Milk นมปรุงแต่ง
 
 
9. Yoghurt / Cultured Milk / Fermented Milk นมเปรี้ยว
 
 
10. Drinking Yoghurt / Cultured Milk / Fermented Milk นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม
 
 
11. Soy Milk นมถั่วเหลือง
 
 
12. Evaporated / Condensed Milk นมข้น
 
 
13. Sweetened Condensed Milk นมข้นหวาน
 
 
14. Dried / Powder Milk นมผง
 
 
15. Humanized / Modified Milk นมผงดัดแปลง
 
 
16. Recombined Milk นมคืนรูป
 
 
17. Reconstituted / Recombined milk นมคืนรูป
 
 
เป็นยังไงกันบ้าง หลายคนคงตกใจละสิว่า ทำไมนมถึงมีมากมายหลายชนิดอย่างนี้ แต่ถ้าจะเอาจริงๆแล้วยังมีนมอีกเยอะเลยครับที่ไม่ได้พูดถึง เช่น นมประเภทต่างๆสำหรับทารก นมสำหรับผู้สูงอายุ และอื่นๆครับ เอาเป็นว่า จำคำศัพท์ที่สำคัญๆ และคิดว่าจะได้ใช้ก่อนก็พอแล้ว เดี๋ยวจะงงไปกันใหญ่

Please girls.... Give us a break

Please girls.... Give us a break

give me a break!!

Please girls...Give us a break

 
หลายคน พอเห็นหัวข้อนี้คงงงกันเป็นตาไก่ และคิดไปต่างๆนานา ว่าจะไป “ให้ผ้าเบรกกับผู้ชายทำไม” แต่จริงๆแล้วสำนวนที่ว่า “Give me a break” นั้นมีความหมายในเชิงว่า “เลิกยุ่งกับฉันสักพักได้มั้ย”

คงอยากรู้แล้วละสิว่า ผู้หญิงทั้งหลายไปทำอะไรให้ผู้ชายนั้นเก็บกดได้ถึงเพียงนี้ มาดูกันเลยดีกว่าว่าสาเหตุมันมาจากอะไรกัน
ชายคนหนึ่งสัมภาษณ์กับสำนักข่าวสี่เห็นเห็น ว่า…
 
“I always admire women’s beauty and still have. But Why? Why are you so mean to us? You always think that we’re psychopaths. Well, it’s time to change the way you think about us. I swear! We just want to appreciate your beauty and we never give you a dirty look. It’s time for you girls to give us a new look!”
 
“ผมมักชื่นชมความงามของผู้หญิงอยู่เสมอและผมก็ยังไม่เคยที่จะไม่ชื่นชมมันเลย แต่ทำไม! ทำไมพวกคุณถึงใจร้ายกับเรานัก คุณจ้องแต่จะคิดว่าเราเป็นพวกโรคจิต มันถึงเวลาแล้วแหละที่คุณควรจะเปลี่ยนความคิดเสียใหม่เกี่ยวกับพวกเรา สาบานได้เลย! พวกเราแค่ต้องการจะชื่นชมความความของคุณเท่านั้น และเราก็ไม่เคยมองพวกคุณในแนวเสียๆหายๆเลย มันถึงเวลาแล้วแหละที่คุณๆทั้งหลายจะเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเราซะใหม่!”
 
นี่เป็นเพียงความเห็นหนึ่งของบรรดาผู้ชายเท่านั้น แล้วสาวๆทั้งหลาย คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะปล่อยให้บรรดาชายหนุ่มจ้องมองคุณได้อย่างอิสระเสียที ส่วนใครที่อยากหาแรงจูงใจ (motivation) ให้กับตัวเองในการเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับผู้ชายทั้งหลาย ลองอ่านเนื้อหาข้างล่างนี้ได้เลย
 
จากข้อมูลงานวิจัยของประเทศเยอรมัน การที่ผู้ชายจ้องมอง (stare) ผู้หญิงเป็นเวลา 10 นาทีนั้น มีค่าเทียบเท่ากับ การเต้นแอโรบิค (aerobic) 30 นาที เลยทีเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วหากหนุ่มๆทั้งหลายมองผู้หญิงสักคนหนึ่งอย่างไม่ละสายตา ก็อาจจะโดนเหมาไปเลยว่า เป็น การล่วงละเมิดทางเพศ (sexual harassment) ไปเสียหมด ทำไมเราถึงไม่ลองคิดดูว่า เขาอาจจะมีสาเหตุบางอย่างที่ทำให้เขาจ้องคุณแบบไม่สามารถละสายตาได้ (can't take his eyes off of you) เช่น ผมคุณสวยเหลือเกิน  คุณแต่งตัวสวย  และเหตุผลอื่นๆอีกต่างๆนานา  เพราะฉะนั้นแล้ว สาวๆทั้งหลายเลิกใจร้ายเสียทีเถอะ (Don’t be evil) ให้โอกาสพวกเขาได้ออกกำลังกาย (work out/exercise) บ้างเถอะ
 
ถ้าสาวๆทั้งหลายเข้าใจ (และทำใจ) เรียบร้อยแล้วละก็ ลองมาอ่านวิธีประนีประนอม (compromisation) กับผู้ชายกันเลยดีกว่า

1. Pretend that we are invisible – “คิดซะว่าเราไม่มีตัวตน”
ถ้าเรามองคุณมากเสียจนเกินไป และ อาจทำให้คุณเขิน หรือ โมโห ได้โปรดคิดเสียว่าเราไม่มีตัวตนเลยซะดีกว่า (อย่าตอบรับด้วยการส่งสายตาจิกเราอีกเลย…) ถือซะว่าทำบุญทำทานให้กับคนจน (ปัญญา) อย่างเราเถิด

2. A smile makes life more beautiful – “ยิ้มวันละนิด จิตแจ่มใส”
เรามั่นใจว่า หากสาวๆทั้งหลายยิ้มวันละนิดแล้วชีวิตก็จะแจ่มใสตามไปด้วย เพราะฉะนั้นยิ้มให้เราหน่อยเถอะ (ยิ้มไปด่าไปก็ยังดี) เพียงเท่านี้ คุณก็ทำให้เราฝันหวานไปได้ทั้งวันแล้ว

3. Take a glance at us if you want to talk – “ชายตามองเราสักนิดถ้าคุณอยากทำความรู้จักกับเรา”
หากคุณรู้สึกว่า เราอาจเป็นเพื่อนกันได้ ได้โปรดกรุณาพวกเรา ด้วยการส่งสายตาให้เรา และอาจจะยิ้มสักนิด เพียงเท่านี้พวกเรา ชายหนุ่มรูปงามหล่อไม่เหลา ก็จะวิ่งกระดิกหางไปหาคุณทันที

4. Frown at us if you feel annoyed – “ขมวดคิ้วใส่ถ้าคุณรู้สึกรำคาญเรา”
ถ้าหากการส่งสายตาของเราทำให้พวกคุณรำคาญจนเกินไป ได้โปรดอย่าเก็บมันไว้ (และอย่าด่าบิดามารดาเราด้วย) แค่คุณขมวดคิ้วให้เราเท่านั้น เราก็จะพับเสื่อกลับบ้านทันที (มั้ง)
 
บทความนี้แต่งโดย พี่จิว เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ของผู้ชายบางคน  

บทเพลงให้กำลังใจชาวญี่ปุ่นกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ

บทเพลงให้กำลังใจชาวญี่ปุ่นกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ

เพลง If we hold on together พร้อมคำแปลไทย
สึนามิที่ญี่ปุ่น
If we hold on together
Don't lose your way
With each passing day
You've come so far
Don't throw it away
Live believing
Dreams are for weaving
Wonders are waiting to start
Live your story
Faith, hope & glory
Hold to the truth in your heart
If we hold on together
I know our dreams will never die
Dreams see us through to forever
Where clouds roll by
For you and I
Souls in the wind
Must learn how to bend
Seek out a star
Hold on to the end
Valley, mountain
There is a fountain
Washes our tears all away
Words are swaying
Someone is praying
Please let us come home to stay
If we hold on together
I know our dreams will never die
Dreams see us through to forever
Where clouds roll by
For you and I
When we are out there in the dark
We'll dream about the sun
In the dark we'll feel the light
Warm our hearts, everyone
If we hold on together
I know our dreams will never die
Dreams see us through to forever
As high as souls can fly
The clouds roll by
For you and I
เด็กอิงก์ทั้งหลายมาร่วมเป็นกำลังใจให้กับคนญี่ปุ่นกันด้วยนะครับ
เครดิต: เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บทเพลงเฉลิมพระเกียรติภาษาอังกฤษที่ชาวออสเตรเลียแต่งเพื่อถวายในหลวง

บทเพลงเฉลิมพระเกียรติภาษาอังกฤษที่ชาวออสเตรเลียแต่งเพื่อถวายในหลวง



เรารักในหลวง

บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมาให้ทุกคนเพื่อเฉลิมฉลองวันมหามงคล "5 ธันวามหาราช" หากมีข้อมูลอันใดที่เป็นการละเมิดใดๆก็ตาม กรุณาติดต่อทีมงาน ที่นี่
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2550 หน้าศาลา 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช
มล.ปริยดา ดิศกุล ประธานมูลนิธิส่งเสริมคุณธรรมได้นำเยาวชนในเครือข่ายเยาวชนพัฒนาศักยภาพ ประมาณ 20 คน ร่วมร้องเพลงถวายพระพร โดยมี นางเคลลี นิวตัน (Kelly Newton) นักร้องนักแต่งเพลงชาวออสเตรเลียซึ่งได้เดินทางร้องเพลงมาแล้วทั่วโลก เป็นผู้เล่นกีตาร์และเป็นต้นเสียงในการร้องนำ ในเพลง "Long live The King of Thailand" ซึ่งนางเคลลี เป็นผู้เขียนเนื้อเพลง และทำนองด้วยตนเอง
สำหรับเนื้อหาเพลงนางเคลลีกล่าวว่า ตนเป็นชาวต่างชาติแต่ได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและรู้สึกประหลาดใจว่าท่านผู้นี้ได้ทำให้ประเทศชาติมากมายขนาดนี้ ทรงเป็นสามี เป็นพ่อที่ดี ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงมีพระอัจฉริยะภาพหลายด้านทั้งการแต่งเพลง ดนตรี และการเกษตร พระองค์ทรงเป็นนักแต่งเพลงและทรงดนตรีได้เยี่ยมยอดมาก ซึ่งตนก็ชื่นชอบเพลงพระราชนิพนธ์ทุกเพลงนางเคลลีกล่าวอีกว่า แรงบันดาลใจสำคัญที่นำมาซึ่งเนื้อหาในบทเพลงนี้เริ่มต้นมาจาก ตนได้นั่งเครื่องบินของการบินไทยและได้เห็น VTR พระราชกรณียกิจของในหลวง ซึ่งตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นพระองค์ท่าน ก็ประหลาดใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครทำไมถึงได้ทำอะไรมากมายขนาดนี้ เมื่อลงจากเครื่อง จึงได้สอบถามเพื่อนและทราบว่าเป็นพระองค์ท่าน แรงบันดาลใจสำคัญจึงมาจากพระองค์นั่นเอง
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ทรงมีความรัก ความเมตตาให้แก่ประชาชนของพระองค์ทุกคน ซึ่งตนสามารถเห็นและสัมผัสได้ พระองค์ท่านทรงเป็นแบบอย่างของผู้นำที่ดีของโลกนี้ ที่ผู้นำทุกคนควรจะเป็น นางเคลลีกล่าวด้วยว่า ตนกับสามีทำฟาร์มอยู่ที่ออสเตรเลีย โดยไม่ใช้สารเคมี มา 20 ปีแล้ว ซึ่งพอทราบว่า พระองค์ท่านมีพระราชดำริเกี่ยวกับการเกษตร ให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพ ปลูกพืชปลอดสารพิษ ก็ยิ่งรู้สึกประทับใจในพระองค์ท่านคิดว่าเป็นบุคคลที่หาได้ยากที่สุดในโลกแล้ว และเมื่อได้มาประเทศไทย ก็ถามคนที่นี่ว่า ทุกคนรู้สึกอย่างไรกับในหลวง ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เรารักในหลวง ซึ่งตนไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในโลกว่า ความรักที่ประชาชนมีต่อผู้นำประเทศจะมากมายขนาดนี้ และเมื่อทราบจากเพื่อนว่าพระองค์ประชวรจึงได้เดินทางมาถวายพระพร ด้วยการร้องเพลงที่แต่งเอง ซึ่งได้แต่งเพลงนี้เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2550 ใช้เวลา 15 นาที ก็ได้เพลงนี้ออกมา....

Long live The King of Thailand

เนื้อร้องและทำนอง : Kelly Newton
ถอดความภาษาไทย : jerasak


Ever since I saw the face.. of this man.
นับแต่ฉันได้เห็นหน้า.. ชายผู้นั้น

The King of Thailand, The King of Siam.
กษัตริย์แห่งประเทศไทย.. กษัตริย์แห่งสยาม..

I felt in love with his soul loves this land.
ฉันก็หลงไหลในความรักที่ท่านมีแก่แผ่นดินนี้

It's in his eyes, it's in his heart, it's in his hands.
มันอยู่ในดวงตา อยู่ในหัวใจ และสองมือของท่าน

He is the husband, the father and the king.
ท่านเป็นทั้งสามี เป็นทั้งพ่อ และเป็นกษัตริย์

A great photographer, musician so many things.
เป็นช่างภาพผู้ยิ่งใหญ่ เป็นนักดนตรี และอะไรอีกมากมาย

The way he lives his life is something to be hold.
วิถีดำเนินชีวิตของท่าน เป็นสิ่งที่สมควรยึดถือ

His grace, his wisdom, an example to the world.
ความงามสง่า ความเฉียบแหลมลึกซึ้ง.. ที่เป็นตัวอย่างแก่โลกใบนี้

...

Long live The King of Thailand.
Long live The King of Siam.


ขอถวายพระพรแด่กษัตริย์ของไทย
ขอกษัตริย์แห่งสยามทรงพระเจริญ

Long live The King of Thailand.
Long live The King of Siam.


ขอถวายพระพรแด่กษัตริย์ของไทย
ขอกษัตริย์แห่งสยามทรงพระเจริญ

...

And in the time when the rain came flooding down.
และเมื่อยามฝนตกน้ำหลาก

He saved the city with the building of the dam.
ท่านได้ปกป้องประเทศไว้ด้วยการสร้างระบบเขื่อน

In time of conflicts, he has always been there.
เมื่อยามเกิดความขัดแย้ง ท่านจะอยู่ที่นั้นเสมอ

To stop the fighting just like the father who really cares.
เพื่อยุติการต่อสู้ ดุจบิดาผู้ห่วงใยบุตรในอุทร

...

Long live The King of Thailand.
Long live The King of Siam.


ขอถวายพระพรแด่กษัตริย์ของไทย
ขอกษัตริย์แห่งสยามทรงพระเจริญ

Long live The King of Thailand.
Long live The King of Siam.


ขอถวายพระพรแด่กษัตริย์ของไทย
ขอกษัตริย์แห่งสยามทรงพระเจริญ

...

I'm watching wonder at the things he understands.
ฉันเฝ้ามองด้วยความอัศจรรย์ ในทุกสิ่งที่ท่านนั้นเข้าใจ

His love for his people, his love for this land.
ความรักที่ท่านมีต่อประชาชนของท่าน.. และต่อแผ่นดินนี้..

His working a great culture, he is one of a kind.
ท่านได้สร้างประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ และท่านคือผู้เป็นหนึ่ง

His vision for the future way ahead of the time.
วิสัยทัศน์ของท่านกับอนาคต ก้าวข้ามพ้นกาลเวลา

...

Long live The King of Thailand.
Long live The King of Siam.


ขอถวายพระพรแด่กษัตริย์ของไทย
ขอกษัตริย์แห่งสยามทรงพระเจริญ

Long live The King of Thailand.
Long live The King of Siam.


ขอถวายพระพรแด่กษัตริย์ของไทย
ขอกษัตริย์แห่งสยามทรงพระเจริญ

Long live The King. Long live The King of Siam.
ขอถวายพระพร.. ขอกษัตริย์แห่งสยามทรงพระเจริญ

Long live The King. Long live The King of Thailand.
ขอถวายพระพร.. ขอกษัตริย์ของไทยทรงพระเจริญ

Long live The King.
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ขอบคุณเนื้อเพลงแปลภาษาไทยจากคุณ Jewrasuk@serithai.net และที่มาอื่นๆ

วิธีการใช้ภาษาอังกฤษเรียกคนใกล้ชิดแบบไม่เป็นทางการ

วิธีการใช้ภาษาอังกฤษเรียกคนใกล้ชิดแบบไม่เป็นทางการ

Non-formal Pronouns ในภาษาอังกฤษ

วิธีการใช้ภาษาอังกฤษเรียกคนใกล้ชิดแบบไม่เป็นทางการ
หากพูดถึงประธานที่ใช้กันในชีวิตประจำวันแล้ว คงจะหนีไม่พ้น “I, You, We, They, He, She, It” ที่เราได้เรียนรู้กันมาจากตำราต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ในชีวิตจริงแล้ว มีคำมากมายที่สามารถนำมาใช้แทนคำเหล่านี้ได้ วันนี้เราลองปิดตำราทั้งหลาย แล้วเปิดโลกทัศน์ด้วยคำต่างๆที่เราควรจะรู้ไว้เพื่อใช่สื่อสารภาษาอังกฤษแบบไม่เป็นทางการ (Non-formal English) กันดีกว่า

คำที่ใช้เรียก “ผู้หญิง” บางคนอาจจะงงว่าทำไมอยู่ดีๆพึ่งจะรู้จักกับฝรั่ง แล้วทำไมเขาถึงเรียกเราว่าที่รักด้วยคำต่างๆนานา คำตอบก็คือ คำเหล่านี้สามารถนำมาใช้เรียกแทนตัวเราได้ ซึ่งก็ได้แก่คำว่า
Gorgeous, Sweetie, Sweetheart, Sister, Sis, Love, Darling, Honey, Baby, Girl, Gal, Dear, Sugar, Cutie, Chick

คำที่ใช้เรียก “ผู้ชาย” สำหรับผู้ชายแล้ว คำที่ใช้ต่างๆนั้นจะเน้นไปถึง ความสัมพันธ์แบบพี่น้อง (Brotherhood) หรือ คำที่บ่งบอกถึงมิตรภาพ (Friendship) ไปเสียส่วนใหญ่ เช่น
Man, Boy, Brother, Fella, Fellow, Dude, Buddy, Mate, My friend, Boss, Chief
 
คำที่ใช้เรียก ”กลุ่มเพื่อน” อาจใช้คำว่า Guys, People, Fellas, Gang, Gangsta, Chicks (แทนกลุ่มผู้หญิง)
 
คำที่ใช้เรียก “เด็ก” เช่น Kid, kiddo
 
คำที่ถูกย่อให้สั้นลง (Short forms) เป็นที่รู้กันว่าศัพท์แทบทุกคำที่นิยมใช้กันอยู่บ่อยๆ มักจะถูกย่อให้สั้นลง ซึ่งก็รวมไปถึงคำเหล่านี้ด้วย:

   Hun – มาจากคำว่า Honey
   Babe – มาจากคำว่า Baby
   Sis – มาจากคำว่า Sister
   Bro – มาจากคำว่า Brother
   Darl – มาจากคำว่า Darling

คำว่า “ที่รัก” แบบหวานแหวว - สำหรับคนที่เบื่อที่จะใช้คำว่า “Tee Rak” ในการเรียกแฟนตัวเองบน BB หรือ ใน SMS ต่างๆ แล้วกำลังมองหาคำอื่นอยู่ สามารถลองใช้คำเหล่านี้ดูได้ รับรองแปลก ไม่เหมือนใคร แถมยังฟังดูน่ารักอีกด้วย:
Cutie Bunny, Cutie Pie, Sweetie Pie, My Little Sunshine, My Sunshine, My pumpkin, Honey Bunny (Hunni Bunni), My Little Cupcake, Cupcake, honeybunch, My Boo (My Baby)
 
  *เราสามารถนำคำเหล่านี้ไปใช้เรียกเด็กได้เช่นกัน
  *การใช้คำว่า My หรือ Your เข้ามาเสริมคำต่างๆ อาจจะช่วยเพิ่มความหวานขึ้นอีกเท่าตัวหนึ่ง เช่น Your Sweetie Pie, Your pumkin, You are my little angel และอื่นๆ
 
 
หมายเหตุ คำเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างกลุ่มคำส่วนหนึ่งเท่านั้น ในความจริงแล้ว ยังมีคำอีกมากมายที่ใช้กันทั่วไปในสังคมที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ซึ่งมีความแตกต่างกันไปตามสังคมและวัฒนธรรม :)

คำเลียนเสียงต่างๆในภาษาอังกฤษ (Onomatopoeia)

คำเลียนเสียงต่างๆในภาษาอังกฤษ (Onomatopoeia)

Onomatopoeia (คำเลียนเสียงสัตว์ต่างๆในภาษาอังกฤษ)

หลายคนอาจจะคิดว่า “คำเลียนเสียงต่างๆ” หรือ “Onomatopoeia” ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษนั้น มีลักษณะเช่นเดียวกัน ซึ่งบางคนอาจจะเคยประสบกับปัญหาในเวลาที่จะต้องสื่อสารกับคนต่างชาติ เนื่องจากไม่รู้ว่าเสียงเหล่านี้ในภาษาอังกฤษนั้นมีรูปแบบเช่นใด โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงคำเลียงเสียงสัตว์ต่างๆในภาษาอังกฤษกัน

ตารางเปรียบเทียบเสียงสัตว์ต่างๆในภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ (Onomatopoeia)

เสียงนก (birds)จิ๊บ“chirp/tweet”
เสียงไก่ตัวผู้ขัน (roosters)เอ้กอี๊เอ้กเอ้ก“cock-a-doodle-doo”
เสียงไก่ (chickens)กระต๊าก“cluck”
เสียงวัว (cows)มอ“moo”
เสียงหมา (dogs)โฮ่งๆ“woof-woof/bow-wow”
เสียงลูกหมา (puppies)บ๊อกๆ“ruff-ruff”
เสียงแมว (cats)เมี๊ยว“mew/meow”
เสียงเป็ด (ducks)ก๊าบๆ“quack-quack”
เสียงผึ้ง/แมลงวัน (bees/flies)หึ่ง“buzz”
เสียงแกะ (sheep)แบ๊ะๆ“baa-baa”
เสียงม้า (horses)ฮี้“neigh-neigh/whinny”
เสียงกา (crows)กาๆ“kaw-kaw”
เสียงหมู (pigs)อู๊ดๆ“oink-oink”
เสียงหนู (mice)จิ๊ดๆ“squeak/squeal”
เสียงกบ (frogs)อ๊บ“croak-croak”
เสียงตุ๊กแก (Tokay Geckos)ตุ๊กแก“To-keh”
เสียงหมาป่า (wolves)หอน“howl”
เสียงลิง (monkeys)เจี๊ยกๆ“gibber”
ยังไงก็ขอบอกว่านี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้น หากใครที่สนใจอยากรู้คำเลียนเสียงของสัตว์อื่นๆ ก็ลองเข้าไปดูได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลย วันนี้ขอลาไปก่อนละนะคร้าบ…. Oink-Oink!!




คลิปสอนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ Onomatopoeia

"กาแฟ" ในภาษาอังกฤษ ไม่ใช่แค่ "Coffee"

ประเภทของกาแฟในภาษาอังกฤษ

 
คอกาแฟทั้งหลาย หรือ ที่เราเรียกกันว่า "Coffe Lovers" ในภาษาอังกฤษ คงจะทราบดีว่า กาแฟนั้นมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน โดยแต่ละชนิดก็มีความแตกต่างกันไป วันนี้ เรารวบรวบเอากาแฟที่นิยมๆกันมาให้อ่านกัน เผื่อว่าทุกๆคนจะได้นำความรู้เหล่านี้ไปใช้ในโอกาสต่างๆ
 

ประเภทของกาแฟในภาษาอังกฤษ


ประเภทของกาแฟในภาษาอังกฤษ
 
 
Decaffeinated Coffee หรือ ที่เรียกกันสั้นๆว่า Decaf coffee คือ กาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน

Cappuccino หรือ คาปูชิโน มีส่วนประกอบหลักคือ เอสเปรสโซ นมร้อน และ ฟองนม โดยคำว่า Cappuccino นั้น เป็นภาษาอิตาเลียน โดยการออกเสียงที่ถูกต้องตามเจ้าของภาษาก็คือ กัปปุชชิโน่

Freeze-dried Coffee คือ กาแฟอบแห้ง

Espresso (เอสเปรสโซ) คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิด เรียกกาแฟชนิดนี้กันว่า “เอ็กส์เปรสโซ่” (Expresso) แต่ จริงๆแล้วมันคือ “เอสเปรสโซ่” โดยกาแฟชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจาก เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ เอสเปรสโซ นั่นเอง สำหรับการสั่งเอสเปรสโซ่นั้น เราจะต้องเลือกว่าเราต้องการแบบ Single shot / Espresso Solo ซึ่งก็คือ เอสเปรสโซ่เพียงช็อตเดียว หรือ Double shot / Espresso Doppio ซึ่งก็คือ เอสเปรสโซ่แบบสองช็อตนั่นเอง

American Coffee หรือ Americano (อเมริกาโน่) ในภาษา Italian คือ กาแฟสไตล์อเมริกัน ที่ทำมาจากเอสเปรสโซหลายๆ ช็อตกับน้ำร้อน เพื่อให้มีความเข้มข้นเท่ากับกาแฟที่ได้จากการชงแบบหยด แต่มีรสชาติต่างกัน

Latte เป็นเอสเปรสโซผสมนมร้อน ปกติมักโปะข้างบนด้วยฟองนม ความเข้มข้นไม่มากเท่าคาปูชิโนเนื่องจากใส่นมเยอะกว่า

Coffee Milk หรือ กาแฟนม เป็นเครื่องดื่มที่คล้ายๆกับนมช็อกโกแลต แต่ใช้น้ำเชื่อมกาแฟแทนการใช้น้ำเชื่อมช็อกโกแลต

Long Black คือ การนำเอา Espresso แบบ Double shot มาผสมกับน้ำร้อน

Mocchiato หรือ มัคคิอาโต คือ เอสเปรสโชที่ผสมนมนิดหน่อย ซึ่งบางคนอาจเรียกกาแฟชนิดนี้ว่า "Dirty Espresso" นั่นเอง

Mocca เป็นการดัดแปลงของลาเต้ มีอัตราส่วนของเอสเปรสโซและนมเป็นอัตรา 1:3 เหมือนกับลาเต้ แต่มีการใส่ช็อกโกแลตเพิ่มลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้น้ำเชื่อมช็อกโกแลตแทนช็อกโกแลตผลในเครื่องขายอัตโนมัติ ช็อกโกแลตที่ใช้อาจจะเป็นช็อกโกแลตดำหรือช็อกโกแลตนมก็ได้

Flat White กาแฟชนิดนี้มีต้นกำเนิดจากประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยมีส่วนผสมระหว่าง เอสเปรสโซ กับ นมร้อน และไม่ใส่ฟองนม

Cortado คือ เอสเปรสโซที่ผสมนมอุ่นลงไปเล็กน้อย

นอกจากกาแฟที่บอกมาข้างต้นแล้ว ยังมีกาแฟอื่นๆอีกมากมายหลายชนิด ที่สาธยายวันหนึ่งก็คงจะไม่หมด หากใครมีความรู้อะไรเกี่ยวกับกาแฟนอกเหนือจากนี้ จะมาแนะนำกัน ก็เชิญแบ่งปันกันตามสบายในนี้เลยครับ
 
Enjoy your Coffee
 
Enjoy your coffee!!